แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สถานที่ชวนหลอน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สถานที่ชวนหลอน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

ความสยองของคุกกองปราบ





สถานที่ที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้นับว่าเป็นเรื่องเล่าที่มีน้อยคนนักจะเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง  สำหรับสถานที่สุดหลอนอย่าง “คุกกองปราบ” ก็ถือว่าเป็นเรื่องชวนสยองของหลายคน และตำนานเรื่องนี้หลายคนก็อาจจะรู้ดีว่า คุกกองปราบ มีผีหรือวิญญาณของชายสวมเสื้อสีแดงที่ยังคงวนเวียนอยู่ในห้องขังไม่ไปไหน และมักจะปรากฏตัวให้คนที่ถูกขังในห้องขังอยู่เป็นประจำ 

สำหรับคุกกองปราบถือเป็นสถานที่ไว้สำหรับคุมขังผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ หรือว่าผู้ต้องหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ซึ่งมักจะมีข่าวปรากฏให้เห็นอยู่ ในกรณีผู้ต้องหาฆ่าตัวตายภายในห้องขัง โดยมีการอ้างว่าที่คุกกองปราบนั้นมีผีชุดแดงวนเวียน และคอยโน้มน้าวให้คนที่ถูกขังไว้ในห้องนั้นปิดชีพตัวเองและเสียงร่ำลือของผีคุกกองปราบนี้ก็ยังคงเป็นที่กล่าวถึง ว่าผีคุกกองปราบนี้เป็นชายสวมเสื้อสีแดง ที่มักจะปรากฏตัวให้ผู้ต้องหาหลายคนเห็นหรือว่ากระตุกขาเวลานอนหรือแม้แต่เสียงเคาะจานข้าว ก็เคยมีคนได้ยินมาแล้ว


และสำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาผูกคอตายในห้องขังก็มักจะถูกโยงมาถึงเรื่องลี้ลับดังกล่าวด้วยทุกครั้งแต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลห้องขังดังกล่าวไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ทั้งนี้ตำนานผีคุกกองปราบหรือผีเสื้อแดงก็น่าจะสิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อสถานที่แห่งนี้กลายเป็นอดีตเพราะคุกกองปราบได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่น ไปแล้วในตอนนี้

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561

ลัดดาแลนด์




สำหรับ ลัดดาแลนด์  คือสถานที่ที่สร้างความหวาดกลัวให้คนไทยมานักต่อนักแล้วนะคะ  เนื่องจาก ลัดดาแลนด์ ถูกดัดแปลงแต่งเติมๆทำเป็น หนังเรื่อง ลัดดาแลนด์ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นหนังที่ได้รับความสนใจจากคอหนังความสยองและเรื่องผี

และสำหรับตํานานลัดดาแลนด์จากคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ลัดดาแลนด์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงใหม่ และยังเป็นแหล่งส่งเสริมวัฒนธรรมต่างๆของชาวล้านนาอีกด้วย จนกระทั่งลัดดาแลนด์เสื่อมสภาพตามกาลและเวลาเพียงไม่กี่ปีลัดดาแลนด์ก็ตกอยู่ในสภาพปล่อยทิ้งร้างพื้นที่ขนาดใหญ่กลายเป็นแหล่งมั่วสุมและสถานที่ก่ออาชญากรรม

จนกลายเป็นเสียงเล่าลือเสียงเล่าอ้างว่าลัดดาแลนด์เป็นพื้นที่ที่มีเหตุฆาตกรรมยกครัว และยังมีดวงวิญญาณวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน และยังมีคนอ้างว่าเคยมีเหตุการณ์ฆาตกรรมสาวพม่า กว่าจะพบศพก็อีก 2 เดือนต่อมา เรื่องเล่าจากลัดดาแลนด์ยังคงไม่มีข้อพิสูจน์ แต่ทว่าลัดดาแลนด์ก็กลายเป็นสถานที่ที่น่ากลัวติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศไทยไปแล้ว

ลิฟท์แดง ธรรมศาสตร์





สำหรับเรื่องเล่าของ ลิฟท์แดง ธรรมศาสตร์ ได้รับการกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของกลุ่มนักศึกษาเมื่อปีพ.ศ. 2519 
โดยข้อมูลได้อ้างว่ากลุ่มนักศึกษาผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนได้วิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งในช่วง ที่สถานการณ์ตึงเครียด เกิดเหตุสลายการชุมนุมริบที่อาคารแห่งหนึ่งในธรรมศาสตร์มีกลุ่มผู้ชุมนุมกับไปใช้เป็นช่องทางหลบหนี แต่ถูกจับได้ และเกิดเหตุการณ์กราดยิงผู้เสียชีวิตอยู่ภายในลิฟท์นั้นหลายราย
และต่อมาได้มีการทำความสะอาดพื้นที่ภายในธรรมศาสตร์ หลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายสิ้นสุดลงลิฟท์ดังกล่าวถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง เนื่องจากว่าไม่สามารถทำความสะอาด และล้างรอยเลือดได้หมดจากลิฟท์ตัวนี้จึงถูกทาเป็นสีแดงจนหลายคนตั้งฉายาว่าลิปแดง
และมีเรื่องเล่าขานต่อกันมาตลอด 30  ปีว่าลิฟท์นั้นทำงานได้เป็นปกติ บางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้เมื่อ ลิฟทฺมักจะเปิดออกในชั้นที่ไม่มีคน หรือมักจะแสดงสัญญาณเตือน ว่าน้ำหนักเกินทั้งทั้งที่มีผู้โดยสารเพียงแค่สองคน
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่าสถานที่และลิฟท์ตัวนี้เต็มไปด้วยเรื่องเร้นลับและมีเรื่องภูตผีและวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

รูปปั้นฝังอัฐิคนตาย “สำนักสงฆ์อาจารย์ซ่วน”



               ขึ้นชื่อว่ารูปปั้นหลายคนก็อาจจะไม่คิดว่าในนั้นจะมีอะไร เพราะอาจจะเป็นแค่ปูนหรือว่าดินเผาที่ใช้ในการปั้นเท่านั้นแต่ไม่ใช่สำหรับสถานที่ที่เรากำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เพราะว่าสถานที่เราจะกล่าวถึงมีรูปปั้นนับร้อยนับพันที่เต็มไปด้วยอัฐิของคนตายพูดแค่นี้หลายคนก็จะรู้แล้วใช่ไหมละค่ะว่าสถานที่แห่งนั้น คือ สำนักสงฆ์ของอาจารย์ซ่วน 




สำหรับ สำนักสงฆ์ของอาจารย์ซ่วน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นต่างสะพรึงกลัวกับรูปปั้นที่อาจารย์ซ่วนได้ปั่นขึ้น โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูน่ากลัวและวังเวงทวีคูณความสยองเข้าไปอีก



สำหรับสถานที่รกร้างที่ไม่มีใครดูแล และในอดีตสถานที่แห่งนี้ได้เป็นสำนักสงฆ์ของพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธ โร วัดท่าลาดใต้ ซึ่งพระอาจารย์ซ่วนเป็นเกจิชื่อดังที่โด่งดังในเรื่องปลัดขิก และเมื่อหลายสิบปีก่อนสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้ปล่อยรกร้างเพราะไม่มีคนดูแลเนื่องจากว่าพระอาจารย์ซ่วนได้มรณภาพไปเมื่อปี  2536 เหลือทิ้งไว้แต่เพียงรูปปั้นจำนวนมากที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่เกือบ 2 ไร่
ซึ่งรูปปั้นที่ตั้งอยู่นั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปปั้นของภูตผีเทวดาตายาย และรูปปั้นในวรรณคดีต่างๆ และสำหรับคนที่เคยก้าวเข้าไปในพื้นที่สยองแห่งนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารูปปั้นทุกตัวเหมือนกำลังจ้องมองมาด้วยแววตาที่คล้ายกับว่ามีสิ่งเร้นลับอาศัยอยู่ในนั้น 

แต่ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้กลับเป็นจุดสนใจของนักลองดีทั้งหลาย เพราะว่ารูปปั้นแต่ละตัวนั้นลือกันว่ามีอัฐิของคนตายฝังอยู่ จึงทำให้สำนักสงฆ์ร้างกลางป่าแห่งนี้ทำให้ชาวบ้านแถบนั้นต่างร่ำลือถึงความเฮี้ยน และความสยองของภายในสำนักสงฆ์ร้างแห่งนี้ ซึ่งไม่มีใครกล้าเข้าไป เพราะกลัวอาถรรพ์ของพื้นที่นี้เรียกได้ว่า สำนักสงฆ์ร้างของพระอาจารย์ซ่วน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่สร้างความสยดสยองให้กับคนที่เคยสัมผัสและเคยก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก